หัวใจวาย-อัมพฤกษ์ถามหา...ถ้าไม่แปรงฟัน

วันอาทิตย์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2554
หัวใจวาย-อัมพฤกษ์อัมพาตถามหา...ถ้าไม่แปรงฟัน (Hair)
เคล็ดลับสุขภาพ



          ไม่น่าเชื่อว่า ความบกพร่องในการดูแลสุขภาพช่องปาก เช่น การละเลยเรื่องการแปรงฟันจะส่งผลร้ายถึงขั้นทำให้เกิดอาการหัวใจวาย หรือเป็นอัมพฤกษ์อัมพาตได้

          ศาสตราจารย์โฮเวิร์ด เจนกินสัน อาจารย์วิชาจุลชีววิทยาช่องปาก แห่งมหาวิทยาลัยบริสตอลในอังกฤษ ได้เสนอรายงานผลการศึกษาเรื่องนี้ต่อที่ประชุมสมาคมจุลชีววิทยาทั่วไป โดยอธิบายถึงความเกี่ยวพันของเรื่องที่เราอาจมองข้ามนี้ว่า ตามปกติแล้เชื้อแบคทีเรียตัวกลมจะอาศัยอยู่แต่ในปากเท่านั้น แต่ถ้าผู้นั้นมีแผลที่เหงือก เจ้าแบคทีเรียตัวร้ายนี้ก็อาจจะไหลไปตามกระแสเลือดได้

          โดยมันจะใช้โปรตีนที่มีอยู่ตามตัวไปทำให้เกล็ดเลือดจับตัวกัน เพื่อเป็นโล่ป้องกันตัวเอง เมื่อเกล็ดเลือดจับตัวมันจะห่อหุ้มแบคทีเรียไว้ทั้งตัว กลายเป็นเกราะกำบังจากระบบภูมิคุ้มโรค หรือจากยาปฏิชีวนะที่ใช้รักษาอาการอักเสบ ถ้าเคราะห์หามยามร้าย เกล็ดเลือดที่จับตัวกันจนเป็นลิ่มเลือดเกิดไปปิดกั้นลิ้นหัวใจ หรือทำให้หลอดเลือดอักเสบก็จะไปอุดกั้นเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและสมอง ซึ่งจะนำไปสู่อาการหัวใจวายหรืออัมพฤกษ์อัมพาตในที่สุด

มะเร็งเต้านม ฆ่าหญิงไทยปีละ 5 พันคน

มะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม คุกคามหญิงไทยปีละ 1.2 หมื่น ตาย 5 พัน (ไทยโพสต์)

         "จุรินทร์" เผยสตรีไทยเป็นมะเร็งเต้านมปีละ 12,000 ราย เสียชีวิตปีละ 5,000 ราย จัดอบรมตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเองแก่ อสม.ทั่วประเทศ

         นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.สมชัย ภิญโญพรพาณิชย์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และคณะ เปิดโครงการรวมพลัง อสม.ทั่วไทยต้านภัยมะเร็งเต้านม พร้อมมอบประกาศนียบัตรให้ อสม.จังหวัดเพชรบุรีที่ผ่านการอบรมการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง จำนวน 5,000 คน

         นายจุรินทร์กล่าวว่า สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์อบรมให้ความรู้ อสม.ในเรื่องการรณรงค์ตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง ที่ผ่านมา สธ.ได้จัดอบรม อสม.ไปแล้ว 5 แสนคน จากทั้งหมด 1 ล้านคนในสัปดาห์นี้ ระหว่างวันที่ 12-16 ม.ค.2554 จะอบรม อสม.อีก 5 แสนคนที่เหลือ ให้มีความรู้ความเข้าใจในการตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง เพื่อนำไปสอนสตรีในชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ โดยการอบรมจะดำเนินการพร้อมกันทั่วประเทศ

         รมว.สธ.กล่าวว่า การตรวจมะเร็งเต้านมด้วยตนเอง จะเน้นการเริ่มต้นตรวจตั้งแต่ในสตรีอายุ 20 ปีขึ้นไป โดยขณะนี้มะเร็งที่คุกคามสตรีไทยมากที่สุดคือ มะเร็งเต้านม รองลงมาคือมะเร็งปากมดลูก สำหรับมะเร็งเต้านมมีผู้ป่วยรายใหม่ปีละ 12,000 ราย เสียชีวิตปีละ 5,000 ราย ซึ่ง สธ.ตั้งเป้าลดตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตลงให้มากที่สุด

         "โรคมะเร็งเต้านม หากตรวจพบตั้งแต่ระยะเริ่มต้นสามารถที่จะรักษาให้หายขาดได้ โดยการสอนให้สตรีไทยตรวจเต้านมด้วยตนเองได้ หากพบผิดปกติจะได้รับการตรวจยืนยันด้วยเครื่องแมมโมแกรมต่อไป หากรีบเข้าสู่กระบวนการรักษาตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ก็จะสามารถรักษาให้หายขาดและจำนวนผู้เสียชีวิตให้ลดลง"

สัญญาณ บอกโรคจากประจำเดือน (Modern Mom)

ผู้หญิง

 
สัญญาณ บอกโรคจากประจำเดือน (Modern Mom)          การมี "เมนส์" หรือประจำเดือนมาเป็นปกติทุกเดือน อาจเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับสุขภาพของคุณแม่ และผู้หญิงทุกคน เพราะการมีประจำเดือน เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงการทำงานระบบสืบพันธุ์ว่าปกติ และการทำงานของร่างกายภายในของเรามีความสมดุลลงตัว

          แต่สำคัญยิ่งกว่านั้น ประจำเดือน ยังสามารถบอกถึงสุขภาพของร่างกายได้อีกด้วย โดยเราสามารถสังเกตได้ง่าย ๆ จาก 3 อย่าง คือ สี กลิ่น และอาการ ดังต่อไปนี้

          1.ประจำเดือนสีเข้มจัด ออกน้อย มีอาการเหนื่อยง่ายเวลาต้องออกแรง อ่อนเพลียกว่าปกติ เวียนศีรษะ อาจบ่งบอกว่าเป็นสัญญาณของโรคโลหิตจางได้

          2.ประจำเดือนออกมาเป็นลิ่มเลือดคล้ายเลือดหมู มีเลือดออกภายในค่อนข้างมาก อาจเป็นสัญญาณเตือนว่า กำลังอุ้งเชิงกรานอักเสบ

          3.มีกลิ่นผิดปกติ คัน เจ็บแสบในช่องคลอด ถ้าร่วมกับมีอาการตกขาว แสดงว่าตกขาวจากเชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา พยาธิในช่องคลอด หรือติดเชื้อในมดลูก มีอุ้งเชิงกรานอักเสบ

          4.ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอไม่ปกติ ให้สังเกตว่า มีอาการปวดศีรษะเรื้อรัง ตามืดมัวลงเรื่อย ๆ มีหนวดและขนขึ้นผิดธรรมชาติ น้ำนมออกผิดปกติ ถ้ามีอาการเหล่านี้ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเนื้องอกของรังไข่ หรือตรวจหาความผิดปกติของต่อมหมวกไตหรือต่อมใต้สมอง

          5.ประจำเดือนมาน้อยและมีอาการอ่อนเพลีย เฉื่อยเนือย เต้านมแฟบ ขนรักแร้และขนที่อวัยวะเพศร่วง อาจจะเคยตกเลือดอย่างรุนแรง หรือเป็นลมขณะคลอดบุตร ควรพบแพทย์ เพื่อตรวจหาโรคซีแฮน หรือโรคที่ต่อมใต้สมองขาดเลือด ทำให้ทำงานน้อยลงและทำให้รังไข่ทำงานน้อยลงด้วย

          6.ประจำเดือนมามากจนมีอาการซีด ควรไปพบแพทย์ แต่ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ คือถ้าเลือดที่ออกมามีกลิ่นเหม็น และมีอาการปวดบริเวณท้องน้อย ต้องระวังเรื่องปีกมดลูกอักเสบ

          7.ประจำเดือนมามากร่วมกับมีอาการปวดประจำเดือน หรือรู้สึกเจ็บเวลาร่วมเพศ และคลำพบก้อนที่ท้องน้อยอันนี้ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะอาจจะเป็นเนื้องอกในมดลูกได้

          8.ปวดประจำเดือนมากจนหน้าซีดหน้าเซียว หรือยิ่งในวันท้าย ๆ ยิ่งปวดมากขึ้น อย่างนี้ควรจะไปตรวจโรคเยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ หรือถุงช็อกโกแลตซีสต์ได้แล้วค่ะ

          9.ประจำเดือนมานานผิดปกติเกินกว่า 7 วัน อาจเป็นตอนหลังคลอดใหม่ ๆ หรือหลังใส่ห่วงคุมกำเนิดก็ถือเป็นเรื่องปกติ ทำนองเดียวกับประจำเดือนที่ขาด ๆ หาย ๆ แล้วพอมาก็มามาก แต่ก็ไม่มีผิดปกติอื่น ๆ และไม่ได้ตั้งครรภ์ มักจะเป็นในช่วงที่อ้วนเกินไป เครียด ออกกำลังกายมากเกินไป

เคล็ดลับดีๆกับสุขภาพ

สุขภาพดีอาจจะหาซื้อไม่ได้แต่เป็นเจ้าของได้แน่นอน ถ้าสาวๆ ทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ 
 1. แอปเปิ้ล แตงโม กล้วย กีวีต้องระวังผลไม้ทั้ง 3 ชนิดนี้มีประโยชน์มาก แต่ถ้าคุณกำลังทานยาปฏิชีวนะอยู่ ผลไม้พวกนี้จะกลายเป็นโทษทันทีเพราะมันบูดในลำไส้ได้ง่าย อาจจะทำให้เกิดอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารได้ 
2. ผลไม้กับมื้ออาหารก่อนทานอาหารควรจะเรยีกน้ำย่อยด้วยสับปะรดและมะละกอสัก 2-3 ชิ้น ผลไม้สองชนิดนี้มีเอนไซม์ที่จะช่วยให้กระเพาะย่อยอาหารมื้อหลักที่กำลังจะตามลงมาได้ง่ายขึ้น และหลังจากจบมื้ออร่อยแล้วควรตบท้ายด้วยแอปเปิ้ลสัก 1 ชิ้นเพื่อช่วยเพิ่มปริมาณน้ำลายซึ่งจะทำให้จำนวนแบคทีเรียในช่องปากลดลง และช่วยให้เหงือกแข็งแรงด้วย
 3. อย่าปล่อยให้หิว
ควรจะทานอาหารให้ตรงเวลาทุกวันแม้จะยังไม่รู้สึกหิวก็ตาม เพราะเวลาที่เราหิวร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนควมเครียดออกมา ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้เป็นประจำก็จะทำให้คุณกลายเป็นสาวเครียด และนำไปสู่อาการความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ หรือเบาหวาน
 4. เนื้อสัตว์กับผลไม้ไม่เข้ากันถ้าทานน้อยๆ ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามื้อไหนคุณทานเนื้อเป็นจำนวนมากแล้วควรจะงดผลไม้ไป เพราะกว่าเนื้อจะย่อยหมดต้องใช้เวลานาน ส่าวนผลไม้ซึ่งย่อยเร็วจะถูกกักอยู่ในกระเพาะ จึงทำให้เกิดกรดในกระเพาะอาหารได้ 

5. นาฬิกาชีวภาพหลักการสุขภาพดีบอกไว้ว่าเราควรจะเข้านอนในเวลาเดียวกันทุกๆ วัน แต่ส่วนใหญ่พอถึงคืนวันศุกร์กับวันเสาร์เรามักจะนอนดึกเพราะถือว่าเป็นวันหยุด การทำอย่างนี้จะทำให้ความเคยชินหรือที่เรียกว่าชีวภาพของร่างกายรวรเร จึงไม่ต้องแปลกใจเลยที่วันจันทร์เราจะง่วงนอนกว่าปกติ
 6. ความเครียดทำลายผิว
ถ้าอยากผิวสวย แก่ช้า ดูอ่อนกว่าวัย สิ่งแรกที่ต้องปรับคือความคิดของตัวเราเอง พยายามคิดในทางบวก มองโลกในแง่ดี หลีกเลี่ยงความคิดที่ทำให้ตึงเครียด เพื่อไม่ให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนความเครียดออกทำลายตัวเราเอง
 

7. หลีกเลี่ยงภาชนะพลาสติกเพราะความร้อนรวมทั้งรสชาติเผ็ดเปรี้ยว เค็มจากอาหารสามารถเข้าไปกัดเซาะสารสังเคราะห์ในพลาสติกให้ละลายออกปะปนกับอาหารได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการใช้ภาชนะพลาสติกใส่อาหารเข้าอุ่นในเตาไมโครเวฟยิ่งเป็นสิ่งที่ต้องหลีกเลี่ยง เพราะเป็นการเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมเป็นอย่างมาก 
 8. อย่าประมาทอาการไอเรื้อรังหลังจากหายหวัดแล้วอาการไออาจจะยังไม่หายไป แต่สาวหลายคนมักจะไม่สนใจเพราะคิดว่าอาการไอเป็นเรื่องชิลๆ แต่ที่จริงอาการไอเรื้อรังร้ายแรงกว่าที่คุณคิด เพราะมันอาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัส ยาปฏิชีวนะ ที่หมอให้มารักษาอาการหวัดไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้ วิธีหยุดอาการไอที่ได้ผลที่สุดคือการดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อลดเสมหะในทางเดินหายใจ และนอนหลับให้เพียงพอเพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานได้เต็มที่ 
 9. เท้าและข้อเท้าบวมถ้ามีอาการแบบนี้อย่าปล่อยไว้ เพราะฝ่าเท้าเป็นศูนย์รวมของเส้นประสาททั่วร่างกาย ถ้าบริเวณเท้ามีปัญหาก็จะส่งผลถึงร่างกายทุกส่วน วิธีแก้ไขคือให้นั่งยองๆ ทุกวันๆ ละ 15 นาทีจากนั้นก็ขยับข้อเท้าไปข้างหน้าและข้างหลังเพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น หลังจากนั้นใช้แปรงขนนุ่มๆ แปรงผิวหนังเบาๆ โดยเริ่มจากฝ่าเท้าแล้วค่อยๆ ปัดไล่ขึ้นมาที่ข้อเท้า น่อง ต้นขา ท้อง แขนไปจนสุดที่มือทั้งสองข้าง (ยกเว้นผู้ที่เป็นเบาหวานเพราะเสี่ยงจะเกิดบาดแผล) ตบท้ายด้วยการอาบน้ำอุ่นแล้วตามด้วยน้ำเย็น จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น 
 10. งดเครื่องดื่มคาเฟอีนเครื่องดื่มพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นชาหรือกาแฟ ปกติก็ไม่ควรดื่มอยู่แล้ว แต่ถ้าบังเอิญคุณเป็นโรคปวดหลัง เครื่องดื่มพวกนี้จะเป็นศัตรูของคุณไปทันที เพราะคาเฟอีนจะไปลดการหลั่งสารเอนโดรฟินซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดอาการปวดตามอวัยวะต่างๆ อาการปวดของคุณก็จะไม่หายหรืออาจจะเป็นมากขึ้นด้วย 
11. ดื่มน้ำเร็ว...อันตรายใครๆ ก็บอกว่าควรจะดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว แต่ต้องค่อยๆ ดื่มไปตลอดวัน ไม่ใช่ทั้งวันไม่ดื่มเลย แล้วมารวบยอดเอาในครั้งเดียว เพราะการดื่มน้ำปริมาณมากๆ ในครั้งเดียวอาจทำให้เกิดอาการน้ำเป็นพิษเนื่องจากเลือดเจือจาง และอาจทำให้เป็นตะคริว กล้ามเนื้อเกร็งตามมา ยิ่งถ้าอาการเกร็งไปเกิดที่สมอง หัวใจ หรือปอด ก็อาจจะทำให้ระบบหายใจล้มเหลวและเสียชีวิตได้ 
12. แดดอ่อนตอนเช้าแสงแดดยามเช้าจัดว่าเป็นยาตามธรรมชาติที่ทุกคนสามารถเป็นเจ้าของโดยไม่ต้องเสียเงินซื้อ นอกจากทำให้กระดูกแข็งแรงแล้วยังทำให้อารมณ์ดี เพราะแดดอ่อนๆ มีวิตามินที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารแห่งความสุข ออกมาต่อต้านอาการซึมเศร้าในตัวเรา คนที่เดินเล่นรับแดดอ่อนจึงมีหน้าตาเบิกบานกว่าคนที่มัวแต่หลบแดดอยู่ในบ้านมาก 
13. เบาหวานอย่าทานไข่ถ้าสมาชิกในครอบครัวคุณคนไหนเป็นเบาหวาน ควรให้เขางดไข่ไปเลย เพราะมีรายงานทางการแพทย์ว่าถ้าคนที่เป็นเบาหวานทานไข่อาทิตย์ละ 1 ฟอง จะมีโอกาสเป็นโรคหัวใจมากขึ้น 
14. อยากผอมต้องน้ำเย็นการดื่มน้ำเย็น 50 ออนซ์ จะช่วยเผาผลาญพลังงานเพิ่มขึ้นวันละ 50 แคลอรี ช่วยให้น้ำหนักลดลงปีละ 2.5 กิโลกรัม เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้พลังงานในการทำให้น้ำนั้นเปลี่ยนอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติก่อน แล้วจึงนำไปใช้ได้ จึงเป็นการใช้พลังงานมากกว่าเดิม 
15. สุขภาพดีทันทีที่ตื่นถ้าอยากดูแลสุขภาพพร้อมกับการเริ่มต้นวันใหม่ ทันทีที่ตื่นนอนสาวๆ ควรผสมน้ำส้มสายชู (ที่หมักจากผลแอปเปิ้ล) กับน้ำผึ้งในสัดส่วนเท่ากัน ใส่น้ำอุ่นนิดหน่อย คนให้เข้ากันแล้วนำมาดื่ม จะช่วยให้การดูดซึมของระบบลำไส้และการเผาผลาญของร่างกายทำงานได้ดีตลอดวัน 
16. ผู้ชายอย่าพลาดมะเขือเทศสำหรับหนุ่มซ่าที่กำลังเริ่มมีอาการเตะปี๊ปไม่ดังหรือกลัวว่าจะเป็นหมัน มะเขือเทศคือผลไม้ที่คุณจะพลาดไม่ได้ เพราะมะเขือเทศสุกมีสารโคปีนสูงมาก ช่วยให้ต่อมลูกหมากทำงานได้ดี ประสิทธิ์ภาพและสมรรถภาพต่างๆ จึงทำงานได้เป็นปกติ ถ้าผู้ชายทานมะเขือเทศอย่างน้อยอาทิตย์ละ 10 ผลหรือมากกว่านั้น ความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ก็จะน้อยลง 45 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญควรจะทานแบบสุกๆ เช่น ทานเป็นน้ำพริกอ่อง สปาเก็ตตี้ เพราะเวลามะเขือเทศถูกความร้อนมันจะปล่อยสารไลโคปีนออกมามากขึ้น 
 17. ป้องกันกรดในกระเพาะอาหารสำหรับที่ท้องอืดบ่อย ควรลดปริมาณการดื่มน้ำผลไม้เข้มข้นอย่างเช่น มะนาว ส้ม ส้มโอ เกรฟฟรุต หรือน้ำมะเขือเทศสดนั่น เพราะน้ำพวกนี้มีกรดมากทำให้ท้องอืด หรือถ้าเสพติดไปแล้วอดไม่ได้จริงๆ ก็อาจจะทำให้เจือจางลงด้วยการผสมน้ำมากๆ 
 18. หลบอัลไซเมอร์ด้วยเกมถ้าไม่อยากเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็นโรคขี้หลงขี้ลืม สาวๆ ควรจะฝึกสมองด้วยการเล่นเกมที่ต้องใช้สมาธิ เช่น ปริศนาอักษรไขว้ เกมในคอมพิวเตอร์ หรืออาจจะทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมาธิอย่างเรียนดนตรี เล่นหมากรุก เป็นต้น เพราะเกมเหล่านี้จะช่วยให้ระบบประสาททำงานเชื่อมต่อกันอย่างมีประสิทธิภาพ



ที่มา: หนังสือ spicy

ท่องจำ กับ KM

1. KM
คำเต็ม:  Knowledge Management
ความหมาย :การรวบรวมองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กรซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในตัวบุคคลหรือ เอกสารมาพัฒนาให้เป็นระบบ เพื่อให้ทุกคนในองค์กรสามารถเข้าถึงความรู้ และพัฒนาตนเองให้เป็นผู้รู้ รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ อันจะส่งผลให้องค์กรมีความสามารถในเชิงแข่งขันสูงสุด

2. Tacit Knowledge
คำเต็ม: Tacit Knowledge
ความหมาย :ความรู้ซ่อนเร้นเป็นความรู้ที่แฝงอยู่ในตัวคน เป็นประสบการณ์ที่สั่งสมมายาวนาน เป็นภูมิปัญญา

3. Explicit Knowledge
คำเต็ม: Explicit Knowledge
ความหมาย :ความรู้ที่มีอยู่อย่างเด่นชัด (Explicit Knowledge) เป็นความรู้ที่อยู่ในรูปแบบที่เป็นเอกสาร หรือ วิชาการ อยู่ในตำรา คู่มือปฏิบัติงาน 


4. CoP
คำเต็ม: Community of Practice
ความหมาย :ชุมชนแนวปฏิบัติ กลุ่มคนที่มารวมตัวกันอย่างไม่เป็นทางการ เพื่อแลกเปลี่ยนและใช้ความรู้ร่วมกัน หรือเพื่อทำงานร่วมกัน

5.  KA
คำเต็ม: Knowledge asset
ความหมาย : การนำผลสำเร็จของการทำงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน แล้วถอดความรู้ออกมาเรียบเรียงและบันทึกไว้เป็นขุมความรู้

6.  KS
คำเต็ม: Knowledge Sharing
ความหมาย :โมเดลปลาทูส่วนกลางลำตัวปลาทู เป็นหัวใจสำคัญของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน

7. KV
คำเต็ม: Knowledge Vision
ความหมาย :โมเดลปลาทู ส่วน หัวปลาหมายถึง ส่วนที่เป็นเป้าหมาย วิสัยทัศน์ หรือทิศทางของการจัดการความรู้

8.  KF
คำเต็ม: Knowledge Facilitator
ความหมาย : เป็นผู้คอยอำนวยความสะดวกในการจัดการความรู้ เป็นนักจุดประกายความคิด และการเป็นนักเชื่อมโยง

9. Knowledge Capture
คำเต็ม: Knowledge Capture
ความหมาย : 
การจับใจความหรือการดูดซับความรู้ที่มีอยู่ภายในองค์กร ออกมาเป็นความรู้เป็นส่วนย่อยๆ เพื่อที่จะนำไปสังเคราะห์เป็นขุมความรู้และแก่นความรู้ต่อไป

10. Knowledge Practitioner
คำเต็ม: Knowledge Practitioner
ความหมาย : 
ผู้ดำเนินกิจกรรมจัดการเรียนรู้ (คุณกิจเป็นผู้ที่ค้นหาความรู้เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกัน นำเอาผลงานที่เป็นขุมความรู้ และแก่นความรู้ของแต่ละหน่วยงานมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กัน ทำให้เกิดชุมชนนักปฏิบัติการจัดการความรู้ขึ้นในองค์กร

11. LO
คำเต็ม: Learning Organization
ความหมาย :องค์กรแห่งการเรียนรู้ เป็นองค์กรที่สามารถเรียนรู้สร้างองค์ความรู้เพื่อ เพิ่มพูนสมรรถนะที่จะก่อเกิดความก้าวหน้าในการดำเนินงานขององค์กรไปสู่เป้า หมาย

12. Weblog
คำเต็ม: Weblog
ความหมาย :เป็น เครื่องมือในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ที่นำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์เพื่อบันทึกกิจกรรมการเรียนรู้ และแลกกันอ่าน อีกทั้งสามารถแสดงความคิดเห็นซึ่งกันและกัน

13. Best  Practice
คำเต็ม: Best  Practice
ความหมาย : แหล่งความรู้ที่เป็นความรู้ดีเลิศในองค์กรหรือ วิธีการทำงานที่เป็นเลิศในองค์กร (ซึ่งผู้จัดการความรู้ต้องเสาะแสวงหาแหล่งดังกล่าว ให้พบแล้วจัดกิจกรรมการจัดการความรู้ เช่น กิจกรรมศึกษาดูงาน หรือหาวิธีเรียนลัดไปสู่ความเป็นเลิศให้ได้)

14. OD
คำเต็ม: Organization Development
ความหมาย : 
องค์กรหรือหน่วยงานที่ทำหน้าที่ด้านการประสานงานจัดการความรู้ โดยจัดให้มีทีมงานจัดการความรู้อย่างเป็นระบบทั้งองค์กร

15. Classification
คำเต็ม: Classification
ความหมาย :การนำความรู้ที่ได้มาเขียนอธิบาย(Explicit)เพื่อเผยแพร่ สู่องค์กร โดยแบ่งกลุ่มความรู้อย่างชัดเจน และกระจายความรู้ถูกกลุ่มเป้าหมาย(From Individual to Organization Knowledge) อันนี้จะเป็นตำราที่สอดคล้องกับเนื้อหา เขียนแบบง่ายๆ และนำไปใช้ได้ในการจัดการเรียนรู้

16. PDCA
คำเต็ม: Plan Do Check Act
ความหมาย : เป็นกระบวนการทำงานที่มีลำดับขั้นตอนการวางแผนการทำงาน การปฏิบัติ การตรวจสอบ และการประเมินผล

17.  AAR
คำเต็ม: After Action Review
ความหมาย : เป็นการเปิดใจและการเรียนรู้หลังการทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเสร็จสิ้นลง เพื่อทบทวนบทเรียน ชื่นชมความสำเร็จและหาแนวทางพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น